212 จำนวนผู้เข้าชม |
ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้ามาไกล ระบบโทรศัพท์สำนักงานถือเป็นส่วนสำคัญในการติดต่อสื่อสารภายในองค์กร ปัจจุบันองค์กรหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนจากระบบ PABX (Private Automatic Branch Exchange) ไปสู่ระบบ IP PBX (Internet Protocol Private Branch Exchange) ซึ่งเป็นระบบที่นำเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้ร่วมกันกับตู้สาขาโทรศัพท์ (PABX) แบบเดิม มาดูว่าทำไมตู้สาขาโทรศัพท์ IP PBX ถึงดีกว่าตู้สาขาโทรศัพท์ PABX ในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
- PABX : ตู้สาขาโทรศัพท์ PABX ต้องใช้สายโทรศัพท์แบบอนาล็อกและฮาร์ดแวร์เฉพาะสำหรับการติดตั้งและดูแล ซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงมาก
- IP PBX : ใช้เทคโนโลยี VoIP (Voice over IP) ที่ส่งสัญญาณเสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์และค่าบำรุงรักษา อีกทั้งยังสามารถใช้สายนำสัญญาณและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่แล้วในองค์กรร่วมกันได้เลย
- PABX : การเพิ่มจำนวนผู้ใช้หรือต่อยอดเพื่อขยายตู้สาขาโทรศัพท์ต้องใช้งบประมาณในการติดตั้ง ค่อนข้างสูง เพราะต้องติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่
- IP PBX : สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้ได้ง่ายเพียงแค่ปรับซอฟต์แวร์ หรือเพิ่มบัญชีผู้ใช้งานในระบบ นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น โทรศัพท์ IP-Phone,โทรศัพท์มือถือ (Mobile Application) คอมพิวเตอร์ หรือ แทปเล็ต
- PABX : มีฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การประชุมสาย และการฝากข้อความเสียง
- IP PBX : รองรับฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การประชุมสายแบบวิดีโอ การผสานรวมกับระบบ CRM (Customer Relationship Management) การบันทึกการสนทนา และการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น Mobile Softphone ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- IP PBX : IP PBX สามารถใช้งานร่วมกับตู้สาขาโทรศัพท์อนาล็อคเดิม (PABX) ได้ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งอุปกรณ์เชื่อมต่อเดิมทั้งหมด และการเชื่อมต่อแบบระบบใหม่ HYBRID ก็ยังรองรับทั้งโทรศัพท์ ในระบบอนาล็อก และดิจิทัลที่เคยมีอยู่ในออฟฟิศ เพื่อให้การลงทุนเปลี่ยนตู้สาขาโทรศัพท์ PABX เดิมไปเป็นตู้สาขาโทรศัพท์ IP-PBX ทำได้ง่ายขึ้นและไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายลงทุนเพื่อเปลี่ยนตู้สาขาโทรศัพท์ใหม่ทั้งระบบ
- PABX : ผู้ใช้งานต้องอยู่เฉพาะในพื้นที่ที่ติดตั้ง ตู้สาขาโทรศัพท์ PABX เท่านั้น
- IP PBX : ผู้ใช้สามารถโทรออก-รับสายผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้กลายเป็นหนึ่งในเลขหมายภายใน (ext. number) ของบริษัท แม้พนักงานที่เกี่ยวข้องจะอยู่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศก็ยังสามารถติดต่อเรื่องงานได้อย่างไม่ติดขัด ขอแค่เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้นก็พอ
- PABX : การเชื่อมต่อระหว่างสาขาอาจต้องเสียค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างเมือง หรือระหว่างประเทศ ซึ่งคิดอัตราค่าบริการเป็นรายนาที
- IP PBX : ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้การเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้การติดต่อระหว่างสาขา มีค่าใช้จ่ายต่ำ หรือไม่มีค่าใช้จ่ายเลย เพราะอุปกรณ์ IP-PBX สามารถเชื่อมต่อระหว่างกันข้ามจังหวัดได้ แม้จะไม่ได้อยู่ในออฟฟิศเดียวกันก็ตาม ผู้ใช้จึงสามารถกดหมายเลขภายในบริษัท (ext. number) เพื่อให้ไปดังในอีกสาขาได้ ทำให้การสื่อสารระหว่างกันสะดวกและราบรื่นมากยิ่งขึ้น
- PABX : ต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดูแลและแก้ไขปัญหา
- IP PBX : สามารถบริหารจัดการและดูแลได้ง่ายกว่า เพราะจัดการโดยใช้ซอฟต์แวร์เป็นหลักสามารถอัพเดตระบบจากระยะไกล (Remote Access Control) ได้จากทุกที่ทั่วโลก
IP- PBX เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า PABX ในหลายด้าน ทั้งในเรื่องต้นทุน ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญ การเปลี่ยนมาใช้ IP PBX ไม่เพียงแค่ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและการทำงานแบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากองค์กรของคุณกำลังพิจารณาปรับปรุงระบบการสื่อสารให้ทันสมัย ใช้งานสะดกวก ดูแลง่าย ไม่ตกเทรนด์ การลงทุนในระบบ IP PBX เป็นทางเลือกที่ฉลาดและคุ้มค่าในระยะยาว